แนะนำเพิ่มเติม

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ห้ามเดินข้ามหนังสือ

ห้ามเดินข้ามหนังสือ

      โบราณว่า หนังสือตำราเป็นของฟ้า ของสูง อย่าเดินข้าม หาไม่แล้วจะถูกสาปให้กลายเป็นคนโง่เขลา เบาปัญญา ร่ำเรียนศาสตร์ใก หรือทำการงานใดๆก็จะไม่สำเร็จ

ปริศนาข้อห้าม
  การเดินข้ามหนังสือทำให้กลายเป็นควโง่เขลา เบาปัญญา ทำมาหากินไม่ขึ้นจริงหรือ

  ไขปริศนาข้อห้าม
   สมัยโบราณโอกาสเข้าถึงการศึกษามีน้อย สถานศึกษาส่วนใหญ่เป็นวัดที่มีเจ้าขุนมูลนายจากในรั้วในวังมาบวชแล้วเป็นครูสอนตำราให้กับลูกหลานชาวบ้าน โดยใช้กระดานชนวนแทนสมุดขีดเขียน ส่วนหนังสือนั้นยังเป็นของ หายาก ครูบาอาจารย์ท่านจึงสอนให้รู็คุณค่าของหนังสือ เคารพหนังสือเหมือนเคารพครู ใครที่ไม่ถือปฎิบัติตาม  ก้าวข้ามหนังสือไปมาอย่างผู้ไม่สำรวมแล้ว ย่อมบ่งบอกถึงผู้ไม่สนใจการศึกษา ไม่สนใจตำรับตำราที่จะประสาทวิชาให้ฉะนั้นแล้ว ไหนเลยจะก้าวหน้าในวิชาชีพอื่นๆได้
  คนสมัยก่อนมีรองเท้าใช้กันน้อย การก้าวข้ามหนังสือไปมาอาจพลาดไปเหยียบหนังสือเข้าจนได้ ปกหนังสือก็จะเลอะไปด้วยรอยฝ่าเท้าซึ่งดูไม่ชวนอ่านเอาซะเลย

   อีกประการคือ คนไทยถือกิริยามารยาทเป็นเรื่องสำคัญ จะก้าว จะเดินต้องสำรวมกิริยาอาการ การใกจะส่อถึงความไร้สกุลรุนชาติก็ไม่ควรทำ และด้วยกศโลบายนี้เองจึงกลายเป็นวัฒนธรรมการศึกษาจนถึงปัจจุบัน
   
    ความแยบยล  ลึกซึ้ง ลึกลับ ของกศโลบาย
  คนไทยโบราณให้ความนับถือเจ้าขุนมูลนาย ผู้มีียศถาบรรดาศักดิ์ ตามระบบศุกดินาดั้งเดิม ซึ่งคนเหล่านี้โดยมากแล้วเป็นผู้มีการศึกษาดี มีเอกสารหลักฐานรองรับ บรรดาผู้ปรารถนาให้ลูกหลานของตนเติบโตเป็นข้าราชการบ้างก็จะขวนขวายหาสถานศึกษาให้บุรรได้ร่ำเรียนเขียนอ่าน เพราะไม่อยากให้บุตรลำบากเหมือนตน เมือครูบาอาจารย์ หรือพ่อแม่ เห็นลูก-ศิษย์ ก้าวข้ามหนังสือ ย่อมเสียความรู้สึกว่าตนอุตสาห์ไปร่ำเรียน หรือพร่ำสอนวิชาให้ กลับไม่เคารพในตำรับตำรา จึงออกกุศโลบายนำเอาวัฒนธรรมไทยเรื่องกิริยามารยาทมาใช้ัอย่างแนบเนียน ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี



ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
หนังสือ  ตำนานเล่าขาน  โบราณห้ามทำ
ผู้เขียน พ.อ.อ.จักราพิชญ์ อัตโน
มีวางจำหน่ายที่ 7-11

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายโดย บริษัทอีเทอร์นิตี้ไอเดีย 168 จำกัด

ห้ามแมวดำข้ามศพ

ห้ามแมวดำข้ามศพ

    โบราณว่า ห้ามแมวดำข้ามศพ มิฉะนั้นจะเกิดอาถรรพ์แก่วิญญาณผู้ตายให้กลายเป็นผีดุร้าย

    ไขปริศนาข้อห้าม
    ในสมัยโบราณ เมื่อมีงานศพเจ้าภาพจะจัดหาอาหารมาเลี้ยงแขกเหรื่อในพิธี  แมวเป็นสัตว์ที่เงี่ยบเมื่อมันได้กลิ่นอาหารก็จะไปซ่อนตัว รอจังหวะขโมยอาหาร โดยเฉพาะแมวดำที่สีกลมกลืนกับความมืด เมื่อจู่ๆ มันปรากฎตัวขึ้น คนก็จะพากันตกใจนึกว่าเป็นผี  ส่วนเจ้าแมวก็พาลตกใจวิ่งพล่านชนโต๊ะหมู่บูชาล้มกระจัดกระจาย หรือซ้ำร้ายกระโดดข้ามหีบศพ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ถือเป็นการไม่ให้ความเคารพศพ
   อีกประการสมัยโบราณมีความเชื่อเรื่องเวทย์มนต์  คาถา และ ของขลัง ศพผู้หญิงเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการทำน้ำมันพราย หรือไม่ก็จะมีสัตว์ร้ายมาแอบกินศพได้ จึงต้องมีคนเฝ้าตลอดเวลา

  กล่าวได้ว่าข้อห้ามนี้อาจเป็นกุศโลบายให้ความเคารพ  รักษาศพและรักษาสภาพจิตใจผู้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักมากกว่าจะทำให้วิญญาณผู้ตายกลายเป็นผีเฮี้ยน


   ความแยบบลลึกซึ้ง และลึกลับของกุศโลบาย
   คนไทยมีความเชื่อเรื่อง  ชีวิตหลังความตาย และเกรงกลัวผีร้าย เคารพผีเรือน โดยเชื่อกันว่าแมวเป็นสัตวที่สามารถมองเห็นวิญญาณได้ ดวงตาที่สะท้อนแสงแวววาวของมันในยามราตรี  บุคลิก ท่วงท่าลึกลับของมัน ดูน่าขนลุกขนพองต้องตามตำราว่ามันปลุกวิญญาณคนตายให้กลายเป็นผีร้ายได้ด้วยเหตุนี้ แมวดำจึงกลายเป็นสัตว์ต้องห้ามในพิธีศพนั่นเอง

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
หนังสือ  ตำนานเล่าขาน  โบราณห้ามทำ
ผู้เขียน พ.อ.อ.จักราพิชญ์ อัตโน
มีวางจำหน่ายที่ 7-11

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายโดย บริษัทอีเทอร์นิตี้ไอเดีย 168 จำกัด



วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ห้ามนอนหันศรีษะไปทางทิศตะวันตก

ห้ามนอนหันศรีษะไปทางทิศตะวันตก
         โบราณว่า "ห้ามนอนหันศีรษะไปทางทศตะวันตกจะทำให้เจ็บป่วย โชคร้าย และอายุสั้น"
ปริศนาข้อห้าม
          การนอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันตกจะทำให้เจ็บป่วย และอายุสั้นจริงหรือ?
  ไขปริศนาข้อห้าม 
          คำโบราณว่าไว้ สร้างบ้านผิดคิดจนตัวตาย  การวางตำแหน่งห้องนอนไว้ทิศตะวันตก ผนังห้องจะรับแสงแดด  และสะสมความร้อนไว้ แล้วค่อยๆคลายความร้อนในเวลากลางคืน ทำให้เรารู้สึกร้อนอบอ้าวจนนอนไม่หลับ เมื่อนอนไม่หลับบ่อยๆ เข้าสุขภาพจิตก็ย่ำแย่ ร่างกายอ่อนแอ และเจ็บป่วยในที่สุด
           การนอนหันศรีษะไปทางทิศตะวันตกเท่ากับว่าเราหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกก็จะสาดแสงส่งไบหน้าเรา เป็นการรบกวนการนอนหลับ

           อีกประการคือ สังคมไทยมีการไปมาหาสู่กัน ไปลามาไหว้ และเชื้อเชิญให้พักอาศัยด้วยกันสักคืน แต่คงเป็นเรื่องน่ากระดากใจอยู่ไม่น้อย หากต่างคนต่างหันนอนไปคนละทิศละทาง คนโบราณจึงออกอุบายให้หันศีรษะไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันของสังคมนั่นเอง
         
           ความแยบยล ลึกซึ้งลึกลับ ของกุศโลบาย
    ในพิธีศพจะหันศรีษะผู้ตายไปทางทศตะวันตก ฝังศพในป่าช้าก็หันศรีษะไปทิศตะวันตก คนโบราณจึงถือว่าทิศตะวันตกเป็นทิศคนตาย หากใครทำอะไรเหมือนคนตายก็จะตายตกตามกันไป และมีความเชื่อกันว่าสัมภเวสรีร่อนเร่ผ่านไปมาเจอเข้าอาจเข้าใจผิดคิดว่าเราเสียชีวิตแล้วก็จะพรากวิญญาณเราไปอยู่ด้วย ดังนี้แล้ว กุศโลบายนี้จึงม่น้ำหรักมากพอให้ผู้คนเชื่อถือได้ในยุคสมัยที่ยังนับถือผี เจ้าที่ เจ้าทาง



ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
หนังสือ  ตำนานเล่าขาน  โบราณห้ามทำ
ผู้เขียน พ.อ.อ.จักราพิชญ์ อัตโน
มีวางจำหน่ายที่ 7-11

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายโดย บริษัทอีเทอร์นิตี้ไอเดีย 168 จำกัด

โบราณห้ามทำ

โบราณห้ามทำ
       เป็นภูมิปัญญาบรรพชนไทยใช้เตือนสติลูกหลานให้ละเว้นการกระทำอันอาจส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่นอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และหมายมุ่งจัดระเบียนสังคม งานพิธีกรรมต่างๆ ให้ดำเนินไปในทิศทางเดียวกันเพื่อให้มีความสะดวกแก่ทุกฝ่าย

   ข้อห้ามบางข้ออาจฟังดูไม่น่าเชื่อถือ แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดรอบด้านแล้วกลับพบว่า เป็นกุศโบายที่ลึกซึ้งและให้ผลลัพธ์เช่นนั้นจริง อย่างน่าทึ่ง อาทิ "ห้ามเดินข้ามหนังสือ" มิฉะนั้นจะกลายเป็นคนโง่เขลา" การเดินข้ามหนังสือไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสติปัญญาเลย แต่การทำเช่นนั้นเป็นการบ่มเพาะนิสัยไม่ให้หยาบกระด้าง ไม่ให้เกียรติครูบาอาจารย์ และไม่สนใจกับการศึกษา เมื่อทำเช่นนั้นบ่อยๆ เข้าก็จะเป็นนิสัยสะสมอยู่ในจิตใจ กลายเป็นคนไม่สนใจศึกษาตำรับตำราและโง่เขลาไปในที่สุด

    ความช่างสังเกตพฤติกรรมผู้คนและธรรมชาติ ได้สั่งสมเป็นสถิติให้บรรพชนไทยแตกฉานในวัฎจักรธรรมชาติและเจนจัดในจริตของมนุษย์รู้ว่าอะไรดี อะไรร้าย ท่านจึงใช้ความเชื่อทางศาสนา ผีสาง เทวดา และวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือสร้างกุศโลบายข้อห้ามขึ้นมาให้มีความกลมกลืนกับความเป็นจริงทางธรรมชาติและสภาพสังคมนใขณะนั้น ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี



ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
หนังสือ  ตำนานเล่าขาน  โบราณห้ามทำ 
ผู้เขียน พ.อ.อ.จักราพิชญ์ อัตโน
มีวางจำหน่ายที่ 7-11

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายโดย บริษัทอีเทอร์นิตี้ไอเดีย 168 จำกัด

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559

คืนแรกในป่าช้า

คืนแรกในป่าช้า
     หลวงปู่ชา สุภัคโท วัดป่าพง จังหวัดอุบล เล่าเรื่องความกลัว(ผี)
ครั้งแรกในป่าช้า ครั้งแรกที่กลัวสุดขีด
เกิดมาก็กลัวผีแล้วไม่เคยเห็นดอกแต่กลัว ความกลัวของหลวงปู่ชานั้นท่านกลัวจริงๆ กลัวจนแทบเสียสติ รู้ทั้งรู้ว่ากลัวแต่ท่านจะเอาชนะความกลัวในใจมีทั้งเดินหน้าสู้และถอยหลังไม่เอา จิตมันเถียงกันทั้งวันทั้งคืน สู้ ...ไม่สู้..สู้..
   เรื่องความกลัวหลวงปู่ชาท่านเล่าเอง ท่านบอกว่าท่านเป็นพระที่กลัวผีมากที่สุด มีอยู่ครั้งหนึ่งหลังจากท่านบวชเป็นพระแล้วได้ออกปฏิบัติธรรมกัหมู่คณะคืนแรกปักกลดกลางป่าดงพงทึบตรังนั้นวังเวงมากบรรยากาศชวนขนหัวลุก
   กลดของหมู่คณะก็ปักอยู่ห่างกันพอตะโกนถึงกันได้ ตอนที่ตะวันยังไม่ลับฟ้าพอมีแสงตะวันรำไรก็ไม่เท่าไร แต่หลังตะวันตกดินมันน่ากลัวไปหมด ขณะนั่งภาวนาอยู่ภายในกลดก็มีฝูงหมาป่ามันมาล้อมกลดมันทั้งขู่ทั้งแยกเขี้ยและเห่าจะกระโจนเข้ามาในกลดให้ได้
   กลัวก็กลัวเพราะหน้าตาของพวกมันน่ากลัว
ก็มันเล่นตีวงล้อมกลดไว้จะรุมกินโต๊ะ ท่องพุทโธๆๆ มันก็ยังไม่ยอมหนีก็เลยนั้งหลับตาไม่มองมันละมันจะทำอะไรก็ช่างหัวมัน ในขณะเดียวกันก็กำหนดจิตอธิฐานไปว่า
    ข้ามาที่นี่ไม่ได้มาเบียดเบียนใคร มาเพื่อต้องการบำเพ็ญความดีมุ่งต่อความพ้นทุกข์ ถ้าหากเราเคยมีกรรมต่อกันมาก็ขอให้กัดข้าให้ตายเถิด เพื่อเป็นการชดใช้หนี้กรรมเก่า แต่ถ้าไม่มีเวรมีภัยใดๆ ต่อกันแล้วก็ขอให้หลีกไป
    พวกหมาป่ากระหายเลือดเหล่านั้นก็ไม่ยอมไป แต่ท่านก็ภาวนาไปสักพักหนึ่งก็เห็นหลวงปู้่มั่นฉายไฟแว่บๆ เดินมาพอมาถึงฝูงหมาป่าท่านก็ตวาดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า
    "ไป๊! พวกสูจะมาทำอะไรเขาอยู่ที่นี่เล่า"
ก็ไม่รู้ว่าหมาป่าที่มาล้อมกลดเหล่านั้นเป็นพวกปีศาจจำแลงหรือเปล่า เพื่อทดสอบจิตของหลวงปู่ชาว่าจะมีความมั่งคงแค่ไหนอย่างไร และที่แปลกใจทำไมพวกหมาป่าพวกนั้นจึงกลัวหลวงปู่มั่นจนแตกกระเจิงหนีไป
   ท่านพูดพร้อมกับเงื้อท่อนไม้ขึ้นทำท่าจะตีพวกหมาป่า เห็นท่าหลวงปู่มั่นมาช่วยจริงๆ ก็เลยลืมตาขึ้นก็ไม่เห็นว่ามีอะไรมีแต่ความว่างเปล่าและความเงียบสงัด หลวงปู่บอกว่านี่เป็นครั้งแรกและคืนแรกที่ออท่องเที่ยวธุดงค์
   พอรุ่งเช้าท่านกับคณะได้เดินทางท่องเที่ยวไปจนถึงวัดโปร่งคลอง ซึ่งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมของพระอาจารย์คำดีก็เลยขอเข้าพักเพื่อบำเพ็ญภาวนาด้วยช่วงนั้นเป็นช่วงฤดูแล้งพื้อดินหน้าแล้วจะแห้งเหมาะแก่การพักตามโคนไม้ภาษาพระป่าเรียกว่่า "รุกขมูล"
   พระบางรูปในสำนักปฏิบัติธรรมของหลวงปู่คำดีก็จะออกไปปฏิบัติภาวนาในป่าช้า เพื่อกาความวิเวก หลวงปู่ชาท่านเป็นพระบวชใหม่ยังไม่เคยสัมผัสเรื่องราวแปลกๆ จึงอยากจะลองดูบ้าง เพราะถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ว่ารสชาติชองการอยู่ในป่าช้านั้นเป็นอย่างไร จะมีประโยชน์ต่อการปฏิบัติธรรมจริงหรือไม่
   มีแต่หลุมฝังศพน่ะเฮ้ย....
   ที่ตรงนั้นมีแต่ผีนะเฮ้ย...ไม่กลัวหรือ
  อีกใจหนี่งมีความรู้สึกค้านขึ้นมาไม่อยากจะไปเพราะความกลัวยังฝุงอยู่ในจิต แต่ในที่สุดท่านก็บังคับตัวเองให้ไปจนได้ ที่นี่พอตกตอนบ่ายๆความรู้สึกกลัวก็ถาโถมเข้ามาอีก นั่นคือกลัวไม่อยากจะไปจะทำยังไงก็ไม่ได้ บอกให้ไปมันก็ไม่ไป ควรมคิดหนึ่งผุดขึ้นมาชวนเอาตาปะขาวแก้วไปด้วยเพื่อเป็นเพื่อน
    ไปให้มันตายเสีย ถ้าหากจะถึงที่ตายก็ให้มันตายเสีย มันลำบากนัก โง่นักก็ให้มันตายเสีย พูดอยู่ในใจอย่างนี้ทั้งที่ใจก็ไม่อยากจะไปนั่นแหละแต่ก็บังคับ มันจะรอให้พร้อมหมดทุกอย่างมันไม่พร้อมหรอกถ้าอยางนั้นก็ไม่ได้ทรมานมัน
    ต้องพามันไปโอ๊ย ....พอไปถึงป่าช้าแล้วไม่เคยเลยในชีวิตไม่เคยอยู่ป่าช้า ตาปะขาวแก้วจะมาอยู่ใกล้ๆ เป็นเพื่อนเหมือนกัน แต่กลัวจิตจะไปยึดคิดว่ามีเพื่อนอยู่ใกล้ๆ มันจะไม่กลีวก็เลยไม่เอาให้ตาปะขาวแก้วหนีไปไกลๆเดี๋ยวตัวเองจะไปติดอาศัยเขา
   กลัวนักก็ให้มันตายเสีย คืนนี้มันเป็นยังไง ทั้งกลัว ทั้งทำน่ะ ไม่ใช่ไม่กลัวแต่ก็กล้า อย่างมากก็ถึงตายเท่านั้นแหละ พลบค่ำลงไปสักนิดก็พอดีเลยโชคดี พวกชาวบ้านกามศพโตงเตงๆมาทีนี่หือ!  ทำไมจึงเหมาะกันอย่างนี้ โอย!...เดินไปก็ไม่รู้สึกว่าเท้ามันแตะพื้นดินเลยที่นี่ทำไงดี หนี!...
    เขานิมนต์ให้ไปมาติกา ไม่ไปมาติกาให้ใครทั้งนั้นแหละ หนี!....ไปได้สักพักหนึ่งก็กลับมา เขาก็ยิ่งเอาศพมาฝังไว้ใกล้ๆ ที่ปักกลด ไม้ไผ่ที่เขากามศพมาเขาก็เอามาสับๆ เป็นฟากทำเป็นแคร่ให้นั่ง หือ!... จะทำอย่างไรล่ะที่นี้
   หมู่บ้านกับป่าช้าก็อยู่ห่างกันประมาณ 2-3 กิโลเมตร โน่นแหละ คราวนี้มีแต่ตายกับตายเท่านั้นแหละ ที่นี้จะทำยังไง ก็ยอมตายเท่านั้นแหละตาปะขาวแก้วจะมาอยู่ไกล้ๆ ก็ไล่ให้ไป ให้มันตายเสียทำมัมมันกลัวเอานักเอาหนา
   ที่นี่จะได้สนุกันแหละ ไม่กล้าทำไม่กล้าเผชิญก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นอย่างไร โอ๊ย!... ช่างมีรสชาติจริงๆ เดินก็แทบจะไม่รู้สึกว่าเท้าแตะดิน มื่ดๆ ลงจะไปที่ไหนล่ะที่นี้อยู่กลางป่าช้าโน่น เอ้า!...ให้มึงตายมึงเกิดมาตายมิใช่หรือต่อสู้กันอยู่อย่างนั้นแหละ
    พอตะวันลับขอบฟ้าไป ความรู้สึกก็บอกให้เข้าไปอยู่ในกลด เดินก็ก้าวขาไปไม่ออกความรู้สึกเร่งเร้าให้เข้าไปอยู่ในกลด เดินจงกลมอยู่หน้ากลดไว้ค่อยยังชั่วแต่พอหันหลังกลับเดินไปไม่รู้เป็นยังไง เหมือนกับมีอะไรมาดึงทางด้านหลังเย็ยวูบๆ วาบ(เหมือนผีเป่าตรงท้ายทอย) อย่างนี้แหละฝึกหัด
   กลัวมากเกินไม่ได้ก้าวขาไม่ออกก็หยุด กายแล้วก็เดินต่อไป เมื่อมือลงพอสมควรก็เขช้าไปอยู่ในกลดรู้สึกโล่งไปเป็นกองสบายใจเหมือนกับอยู่ในกำแพง 7 ชั้น เห็นบาตรตัวเองใบเดียวก็เหมือนกับเพื่อน บาตรก็เป็นเพื่อนได้
   คนไม่มีเพื่อนก็นึกเอาบาตรเป็นเพื่อนมองเห็นบาตรตัวเองก็รู้สึกดีใจ จิตมันไม่มีที่พึ่งเลยไปพึ่งบาตรนี่แหล่ะเราจะได้รู้จิตของเรา นั่งอยู่ในกลด เผ้าสังเกตดูผีหลอกอย่ตลอดคืนจนสว่างไม่ได้หลับได้นอนแม่แต่สักนิดเลย ความง่วงมันก็กลัวผีหลอกเหมือนกันนั่งอยู่ตลอดทั้งคืนอย่างนั้นแหละ ใครล่ะจะกล้าทำ เรื่ององการปฏบัตินี้ ถ้าจะเอาตามใจของตัวเองแล้วใครล่ะจะทำ  มันกลัวถึงขนาดนี้น่ะทุ่กสิ่งทุกอย่างถ้าเราไม่ทำมันไม่เกิดประโยชน์เพราะไม่ไ้ปฏิบัตินี่แหละเราได้ปฏิบัติ
    พอรุ่งเช้าโอ๊ย! ...รู้สึกดีใจมาก ไม่ตายแล้วเราที่นี้รู้สึกสบายใจจริงๆ อยากให้มีแต่กลางวันทั้งหมด ไม่อยากให้มีกลางคืน ความรู้สึกภายในใจอยากฆ่ากลางคืนทิ้ง อยากให้มีแต่กลางวันสบายใจ อือ  ไม่ตายแล้วเราครั้งนี้

  ตอนกลางวันไ้พักบ้างนิดหน่อย ใจดีไปได้ประมาณ 50 % คิดว่าไม่มีอะไรมีแต่ความกลัวเฉยๆ คืนที่สองก็คิดว่าจะภาวนาให้สบาย เพรามันผ่านมาแล้วคืนนี้ก็ไม่เห็นมีอะไร
   ได้ทดลองไปบิณฑบาตรคนเดียว สุนัขวิ่งตามหลังมามันจะกัด เอ้า  ไม่่ไล่มันแหละให้มันกัดเสีย มีแร่เรื่องจะตายทั้งนั้นแหละ มันงับแล้วงับอีก โดนมั่งไม่โดนมั้งรู้สึกแปลบๆ ปลาบๆ บางที่ก็นึกว่าปลีแข้งขาดไปอย่างนั้นแหละ
  แม่ออ (โยมผู้หญิง) ชาวผู้ไทก็ไม่ช่วยจับสุนัข เพราะคิดว่ามีผีมากับพระมันจึงเห่าและไล่กันผีก็เลยปล่อยๆ ไม่ไล่มันแหละให้มันกัดเสีย เมื่อคืนนี้ก็กลัวเกือบแทบจะตายอยู่แล้วพอตอนเช้าสุนัขมาไล่กัดอีก ก็ให้มันกัดเสีย ถ้าแต่ก่อนเราเคยได้กัดมัน แต่มันงับผิดงับถูกไปอย่างนั่นเอง นี้แหละเราฝึกหัดตัวของเรา
      บิณฑบาตได้มาฉันพอฉันจังหันเสร็จก็ดีใจ แดดออกมา้างรู้สึกอบอุ่นได้พักผ่าอนพอควรแล้วก็ฌเดินจงกรม ตอนเย็นก็คงจะภาวนาดีแหละที่นี้ได้ทดลองมาแล้วคืนหนึ่ง คงจะไม่เป็นอะไร
   ที่นี่พอตกตอนบ่าย  เอาอีกแล้ว หามมาอีกแล้ว ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่เสียด้วสิ ที่นี้ยิ่งหนักเข้าไปอีกเอามาเผาอยู่ใกล้ๆ ข้างหน้าที่ปักกลดเสียด้วยซ้ำ โอย   ยิ่งร้ายกว่าเมื่อคืนวานนี้เสียอีก ดูเหมือนเขาจะมาเผาเขาช่วยกัน
   แต่เขาให้ไปพิจารณาศพไม่ไป พอเขากลับหมดแล้วจึงไป โอ๊ด!.... เขากลับไปหมดแล้ว เผาผีให้เราดูอยู่คนเดียวไม่รู้จะทำยังไงล่ะ โอ๊ด  ไม่รู้จะเอาอะไรมาเปรียบมาเที่ยบให้ฟังได้ เรื่องความกลัวนี่ยิ่ิงกลางคืนด้วยสิ
   ไฟที่กองฟอนเอาศพเขียวๆ แดงๆ พึ่บพั่บ ลุกบ้างไม่ลุกบ้างจะเดินจงกรมไปข้างหน้าด้ายกองฟอนก็ไปไม่ได้ พอมือสนิทก็เข้าในกลดเหมือนเดิม อยู่ในป่าช้ารกๆ เหม็นกลิ่นควันไปเผาศพทั้งคืนเลยยิ่งร้ายกว่าเมื่อวานนี้อีก ไฟลุกพรึ่บๆ พรึ่บๆ
    นั่งหันหลังให้กองไฟจะบังเอิญอะไรไมรู้ตอนนั้นดึกประมาณ 4 ทุ่มมีเสียงดังอยู้่ข้างหลังในกองไฟดังทึ่งทั่งๆ สงสัยศพกลิ้งตกลงมานอกกองฟอน สุนัขจิ้งจอกมันมาแย่งกันกัดกินซากศพหรือยังไงหนอ แต่ก็ไม่ใช่ นั่งฟังอยู่ ฟังไปอีกคล้ายเสียงครือคราดๆ อยู่อย่งนี้ เอ้า  ช่างหัวมันเถอะ อีกสักครู่ก็เดินเข้ามาหาเหมือนเสียงของคนเดินเข้ามาทางด้านหลัง
   อีหยังน้อ  อะไรหนอ
   เดินหนักๆ เหมือนควายก็ไม่ใช่ควาย ตอนนั้นประมาณเดือนสามใบไม้กำลังร่างบริเวณนั้น ใบกุง(ใบตองตึง) ร่วงกองกันอยู่เกลื่อนกล่นฟังดูได้ยินเสียงเหยียบใบกุงใบใหญ่เสียงหนักๆดังโคบๆ บริเวณข้างที่ปักกลดมีจอมปลวกอยู่ลูกหนึ่ง ได้ยินเสียงเดินอ้อมจอมปลวกเข้ามาหาก็เลยนึกว่า
   มันจะเข้ามาทำอะไรก็สุดแล้วแต่ เพราะเรายอมตายแล้วน่ จะคิดหนีไหไหน แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไมเข้ามา ออกไปข้างหน้าโน้น มันเดินไปทางตาปะขาวแก้วก็คิดว่ามันคงไปกาตาปะขาวแก้วแน่นอนมันเดินหายไปจนเงียบไม่ได้ยินเสียงเดินเพราะเดินไกลออกไปจึงไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร เพราะตอนนั้นมีแต่ความกลัวจึงทำให้คิดไปหลายอย่าง
   นานประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ได้ยินเสียงเดินกลับมาอีกแล้ว เดินกลับมาจากตาปะขาวแก้ว เหมือนเสียงคนจริงๆ เดินตรงเข้ามา ตรงดิงเข้ามาเหมือนจะเข้ามาเหยียบพระอย่างนั้นแหละ จึงนั่งหลับตาอยู่อย่างนี้แหละ

  จะไม่ยอมลืมตาดูมันละจะตายก็ให้มันายอยู่อย่างนี้แหละ พอเดินมาถึงก็หยุดกึ๊ก นิ่งเงียบอยู่ข้างหน้ากลด รู้สึกเหมือนกับว่ามันเอามือที่ถูกๆฟไหม้มาความไปมาอยู่ตรงหน้าอย่างนั้นแหละ โอ๊ย   ตายคราวนี้แหละ
   ตัวแข็งทื่อไปหมดลืม พุทธโธ ะัมโม สังโฆ หมดมุกสิ่งทุกอย่างมีแต่ความกลัวอยางเดียวเต็มตื้นอยู่ในความรู้สึกอัดแน่นตรึงอยู่เหมือนกลองคอดไปไหนก็ไม่ไป มีแต่ความกลัว คิดไปคิดไปถึงครั้งวันเกิดมาไม่เคยมีเลยที่จะกลัวเอามากมายถึงขนาดนี้
   ไม่รู้จักพุทโธ ธัมโม สังโฉอะไรเลยแน่นตรึงอยู่เหมือนกลองเพล เอ้า  มึงอยู่อยางนี้ กูก็จะอยู่อย่างนี้ ่ความคิดมันไม่ออกไม่เข้า ไม่รู้ว่าที่นั่งนี่นั่งอยู่บนอาสนะหรือลอยอยู่บนอาสนะก็ไม่รู้เหมือนกัน มีแต่กำหนดผู้รู้ไว้อย่างเีดียวเท่านั้น
   มันกลัวมากๆ ก็คงเหมือนตักน้ำใน่ตุ่มตักใส่มากๆ มันก็เลยล้นปากตุ่มออกมาคงจะเป็นอยางนั้นมันกลัวมาก กลัวมากๆ เลยถามตัวเองว่าที่มึงกลัวๆ นี่มึงกลัวอะไรทำไมถึงกลัวเอาหนักหนา ไม่ได้พูดออกใจมันพูดของมันเอง

   

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

วิธีแก้กรรมดวงวิญญาณ

วิธีแก้กรรมดวงวิญญาณ
     ให้จุดธูปขอขมากรรมกลางแจ้งก่อนใส่บาตร์,,ดวงวิญญาณ
     การทำบุึญอุทิศให้วิญญาณ ควรมีของด้งนี้ สังฆทาน 1 ถัง อาหารคาวหวาน 1ชุด น้ำ ผลไม้ พระพุทธรูปหน้าตังกว้าง 5 นิ้ว ผ้าจีวร 1 ชุด (พระพุทธรูปจะทำให้มีรัศมีกายสว่างมาก เพราะเทวดาหรือพรหมเขาถือความสว่างของร่างกาย ถ้ามีผ้าจีวรด้วยยิ่งดี และถ้ามีอาหารด้วยความเป็นทิพย์ของร่างกายจะมีมากกว่าเก่า)
      หลังทำบุญต้องกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณที่สิงอยู่ แล้วพูดต่อว่า  "บุญใดที่ฉันบำเพ็ญมาแล้วตั้งแต่ต้นในอดีตถึงปัจจุบันชาติ ผลของบุญนี้จะมีประโยชน์ความสุขแก่ฉันเพียงใด ขอเธอจงอนุโมทนา ผลบุญนั้นและรับผลบุญเช่นเดียวกับฉันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และขอให้วิญญาณตัดขาดจากกันบัดนี้เป็นต้นไปเทอญ

หมายเหตุ : การจุดธูปขอขมากรรมกลางแจ้งใช้กับผู้ตาย ถ้ายังมีชีวิตต้องจุดธูปขอขมากรรมหน้าพระพุทธรูป และถวายของทั้งหมดก่อนใส่บาตร

 วิธีแก้กรรมตามเคราะห์กรรมที่ได้รับ

* กรรมปวดศรีษะ  เกิดจากได้เคยทำบาปไว้แต่ภพปางก่อน เช่นทำร้านสัตว์อื่นด้วยการตีหัว หรือทุบหัวปลาไว้ เพราะสัตว์ก็มีอายุขัยวิญญาณตามมาพบ โกรธที่เคยเป็นหนี้ชาติไหนไม่รู้ 10 ตำลึง จะตีบริเวณศีรษะไม่ข้างใดก็ข้างหนึ่ง เรียกว่า ไมเกรน

    วิธีแก้กรรม ทำบุญใส่บาตรด้วยอาหาร 1 ชุด พระสะดุ้งมาร 3 นิ้ว หรือ 5 นิ้ว ดอกไม้ธูปเทียน ส่งวิญญาณให้ไปเกิดบนศาลา ถ้าแก้ที่ทำกับปลาช่อน หลังจากใส่บาตรกรวดน้ำแล้วให้ปล่อยปลาช่อน 1 ตัว ด้วย (ทำให้เสร็จในวันเดียวกัน) หาหมอเป็นการแ้ก้ที่ปลายเหตุ เห็นผลช้า ถ้านั่งสมาธิกรรมฐาน สติปัฏฐาน 4  จะแก้ได้เร็วและหายขาด ที่ยังไม่หายขาดเป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวรชุดใหม่เข้ามาแทนที่

   ก่อนใส่บาตร ให้จุดธูป 3 ดอก ขอขมากรรมกลางแจ้ง แล้วกลาวคำขอขมาตามที่เขียนไว้ในวิธีแก้กรรมด้วยการใส่บาตร

* กรรมปวดหลัง  เกิดจากกรรมที่เคยตีหลังหมา  หรือตีตะขาบกลางหลัง เป็นต้น

       วิธีแก้กรรม  ก่อนใส่บาตร ให้จุดธูป 3 ดอก ขอขมากรรมกลางแจ้ง "ตั้งนะโน 3 จบ" ขอขมากรรมว่า "จะใส่บาตร 1 ชุด พร้อม พระเงินพระทองอย่างละ 1 องค์ ดอกไม้ธูปเทียน ขอให้ไปเกิดบนศาลาขออโหสิกรรให้ขายจากกันเดี๋ยวนี้ ขอให้หายเจ็บป่วย" และต้องกรวดน้ำทุกครั้งหลังใส่บารตทันที เพราะวิญาณคอยรับอยู่ดังนี้ "ตั้งนะโม 3 จบ แล้วกล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้ทำบุญใส่บาตรด้วยพระเงินพระทอง ขออุทิศให้ เจต้ากรรมนายเวรคือ (หมา,ตะขาบ หรือ......) อย่างใดอย่างหนึ่ง แก้เฉพาะอย่าง ห้ามให้รวม เขาจะไม่ได้รับ ทำให้ยังคงเจ็บป่วยต่อไป ให้แก้ทีละอย่างที่ละครั้ง  ถ้าจำได้ว่าเคยทำอะไรไว้ แต่ถ้ายังไม่มีอาการเจ็บป่วยให้แก้ไว้ล่องหน้าก็จะดี เพราะเจ้ากรรม (วิญญาณ) จะได้ขึ้นไปบนศาลาถ้าไม่แก้กรรมนี้ อนาคตในชาตินี้อาจตามมาให้ผลร้ายกับเราอีก 10 ปี หรือ 20 ปี ข้างหน้า หรืออาจจะเป็นในภพหน้าก็เป็นได้

*กรรมต้องเสียเงินตลอด   เกิดจากกรรมที่เคยเอาเงินเขามาตั้งแต่อดีตชาติแล้วไม่คืน ป่อยกู้คิดดอกเบี้ยแพง โกงคนในชาติปัจจุบันทำแท้ง ยุยงให้คนเสียเงินโดยรู้ว่าผิดก็ยังทำ

  วิธีแก้กรรม ทำได้หลายวิธี ดังนี้
1.  พยายามทำบุญอุทิศส่วนกุศลทุกวันเกิดให้แก่ผู้ที่เจยล่วงเกินกันมาตั้งแต่อดีตชาติ ปุจจุบันชาติให้ได้รับกุศล และอโหสิกรรซึ่งกันและกัน
 2. หากคนที่เราลวงเกินยังมีชีวิตอยู่ ให้หาเงินไปคืนและขออโหสิกรรม เพื่อชีวิตเคาจะได้ดีขึ้น
 3.  ตักบาตรวันโกน อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรและวิญญาณเด็กที่ตามมาให้ได้รับกุศล และขอให้เปิดทางให้ชีวิตเราดีขึ้น
4. ทำกุศลกัลผู้มีพระคุณ และให้่วยเหลือคน เพื่อยามที่เราตกทุกข์ได้ยากจะได้มีคนมาเหลียวแลและดูแลเราบ้าง
5. สวดมนต์ทุกวันเกิด และแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรให้ได้รับกุศล และอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน

*ครอบครัวมีแต่ปัญหา  เกิดจากกรรมสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ดังนี้
1. เคยทำแท้ง
2.ไม่ทำบุญให้บรรพบุรุษ
3.ไม่เข้าใจครอบครัว สามี/ภรรยา ลูก
4. เคยประพฤติผิดในกามทั้งชาติก่อนและชาตินี้
5.ทำผิดต่อเจ้าที่เจ้าทาง

วิธีแก้กรรม  
1.เลี้ยงพระทำบุญบ้าน วันเกิด สวดชะยันโตประพรมน้ำมนต์และขอพรให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข แล้วถวายสังฆทานอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายให้อโหสิกรรม และขอให้ช่วยครอบครัวให้อยู่เย็นเป็นสุข 2. ไปถวายผ้าบังสุกุล อุทิศให้แก่บรรพบุรุษ ขอให้อย่อย่างร่มเย็นเป็นสุข หรือทำบุญแล้วอุทิศให้บรรพบุรุษ
3.เคยบอกรักสมมี / ภรรยาและลูกบ้างหรือไม่ ควรกระทำด้วย เพราะจะทำให้เข้าใจกันมากขึ้นว่าเรารักเขา
4. สวดมนต์ทุกวันเกิดตนเอง ขอพรเทพประจำตัวให้คุ้มครองครอบครัวให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
5.กราบไหว้าเจ้าที่เจ้าทาง พระภูมิเจ้าที่ ด้วยอาหารคาวอาหารหวานชุดใหญ่ และขอพรให้ท่านอำนวยโชคลาภ ความร่มเย็นเป็นสุขแก่ครอบครัว

*กรรมคู่ไม่ดี เกิดจากกรรม
1. เคยเป็นชู้กับผู้อื่นไว้ในชาติอดีตและชาติปัจจุบัน
2.ทำร้ายจิตใจคู่ตนเอง
3. ทำร้ายร่างกายให้เขาเจ็บปวดโดยทำเพราหึงหวง
4. ผิดศิลกาเม
5.ยุยงผู้อื่นให้เลิกกัน

วิธีแก้กรรม
1. ตั้งสัจจะว่าจะไม่แย่งสามี/ภรรยาคนอื่นมาเป็นของตน
2.หมั่นถวายเทียนคู่ในวันเกิดตนเองปีละครั้ง อธิษฐานขอพรให้เสริมดวงด้านชีวิตคู่ ให้พบแสงสว่างในชีวิตคู่ที่ดี (พาคู่รักไปด้วย)
3. ถวายสังฆทานในวันเกิดเพื่อขอพรให้สมหวังด้านชีวิตคู่ และอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร และคู่ชีวิตที่เคยล่วงเกินไว้ทั้งอดีตชาติและปุจจุบันชาติและขออโหสิกรรมให้ซึ่งกันและกัน
4. บริจาคทรัพย์ให้กับคู่แต่งในงานแต่งงาน เพื่อส่งเสริมให้เขาสมหวังในความรัก ผลบุญนี้จะช่วยให้ชีวิตคู่ของเราดีขึ้น
5.ไกล่เกลี่ยคู่สามี-ภรรยาที่ทะเลาะกัน แยกทางกันให้มารู้สึกดีต่อกัน เราจะได้รับบุญทางด้านชีวิตคู่







How karmic soul
      The point, ask for an outdoor event before the meteor's.
      To provide a spirit of dedication. Should have the follows dinner Monk 1 tank, 1 set juice Buddha helter 5 inches wide clothes 1 set (Buddha's halo will have very bright. I know he's an angel or the brightness of the body. If the clothes the better. And if the food is divine, the body will have more than one).
       The people have to pour water on their goodness to the spirits that haunted. Then said, "I do my practice since the beginning of history to the present. The merit of this is helpful, happy moments with me. I say let her Reward, and the reward like me from now on. And let the spirit disengage now on too.

NOTE: The incense apology outdoor event with the deceased. If you have to ask for the incense industry face Buddha. And offer all of the bowl.

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

วิธีแก้กรรมด้วยการใส่บาตรให้เกิดผล


วิธีแก้กรรมด้วยการใส่บาตรให้เกิดผล
    ก่อนใส่บาตรต้องจุดธูปขอขมากรรมก่อน  โดยปฏิบัติดังนี้
    การลดกรรมด้วยวิธีการใส่บาตรให้ได้ผล รวมทั้งสร้างกุศลผลบุญครั้งใดๆก็ตาม มิใช่ใส่บาตรพระแล้ว โรคร้ายแรงต่างๆ ไม่หาย ไม่บรรเทา อาการป่วยจะหายได้อย่างไร เพราะทำไม่ถูกต้อง ใส่บาตรพระร้อยรูปก็หาประโยชน์ในการลดกรรมเท่าใส่บาตรเพียงรูปเดียวไม่ เพราะไม่ถึงเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นเจ้าหนี้กรรมอยู่จริงๆ เหมือนกับเป็ฯหนี้เจ้ากรรมนายเวรชุด ก. แต่ไปใช้หนี้ ชุดข. เจ้าหนี้ชุด ก ก็ย่อมไม่พอใจไม่อโหสิกรรให้แน่นอน กรรมเก่าที่ไม่ดีก็ย่อมไม่ลด

   วิธีแก้กรรม/ลดกรรมด้วยการใส่ีบาตรให้ถูกวิธีนั้น ท่านพระธรรมสิงหบุราจารย์  (หลวงพ่อจรัญ) แนะนำว่า ก่อนใส่บาตร

     ให้จุดธูป 3ดอกกลางแจ้งขอขมากรรมโดย "ตั้งนะโม 3 จบ" แล้วกล่าวว่า "ข้าพเจ้าขอขมากรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร ศัตรู หมู่มาร หมู่พาลทุกภพทุกชาติ ขออโหสิกรรมให้ขาดจากกัน"

    และหลังใส่บาตรเสร็จทุกครั้งให้ "ตั้งนะโม3จบ" แล้วกล่าวว่า
      "กุศลที่ลูกได้ทำแล้วขอถวายแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 5 พระองค์ของให้ทุกพระองค์นำส่งบุญให้ข้าพเจ้ามีเดช ปัญญา โภคะ ขอให้สมหวังสมปรารถนาทุกเรื่อง ขอให้มีบุญบารมีเต็มขั้น เกิดสภาวะธรรมตามบุญวาสนาที่ได้ทำมาจากทุกภพทุกชาติโดยเร็วเทอญ และขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติ(วิญญาณ) ศัตรูหมู่มาร หมู่พาล (เช่น มนุษย์,หุ้นส่วน,เพื่อน,ในครอบครัว) ทุกภพทุกชาติ (เอ่ยชื่อได้ยิ่งดี) ขอให้อโหสิกรรม ขอให้ขาดจากกัน ณ เดี๋ยวนี้เทอญ ขอให้อุปถัมภ์ค้ำจุนข้าพเจ้า"

    ถ้าทำบุญด้วยข้าวสารเป็ฯกระสอบ หรือถมทราย ดิน ก็ตั้งจิตอธิษฐานว่า "ผลบุญนี้ขอให้ข้าพเจ้าร่ำรวยเหมือนเมล็ดข้าวสาร เม็ดทรายดิน เจ้ากรรมนายเวรตามเมล็ดข้าวสาร ตามเม็ดทรายดิน ขอให้ได้รับ และขอให้อโหสิกรรมหลุดขาดยากกัน ณบัดนี้เดี๋ยวนี้เทอญ ขอให้ข้าพเจ้ามีแต่ความเจริญรุ่งเรืองพบแต่ผู้อุปถัมภ์ค้ำชู"

   กรณีที่ดวงตกมาก ขอให้แผ่บุญให้ตนเองให้มากๆ บางท่านก็แผ่ให้ผู้อื่นจนลืมให้ตัวเอง ตัวเราเองต้องมีบุญบารมีแก่กล้าจริงๆ จึงจะช่วยและให้ผู้อื่นได้ ควรสวด อิติปิโส เลยอายุ 1 จบ มีเวลาขอให้ไปปฏิบัติธรรมฝึกวิปัสสนาด้วย จะเกิดผลเร็ว โทสะจะน้อยลง ควรแผ่เมตตาให้มากๆ วันล่ะ 10-30 ครั้ง การแผ่เมตตาที่ได้ผลนั้น ท่านพระธรรมสิงหบุราจารย์แนะนำว่า ถ้าจะกรวดน้ำต้องกรวดน้ำต้องกรวดน้ำลงดินทุกครั้ง วันละ 100 ครั้งเจ้ากรรมนายเวรจะหาย100 เท่า 100 วิญญาณ หรือใช้สมาธิกำหนดอธิฐานจิตด้วยความตั้งใจ ประกอบด้วยความมีสติและสัมปชัญญะแผ่เมตตาออกจากลิ้นปี่ แล้วอุทิศส่วนกุศลจากจักระ6 หรือบริเวณตาที่สาม ที่กลางหน้าผากต่ำลงเล็กน้อยจะได้ผลมากขึ้น
(คำว่าอุทิศบุญใช้กับผู้ตาย นำส่งบุญใช้กับผู้ยังมีชีวิตอยู่ ถวายบุญกุศลใช้กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)


How outlawed by the fruit bowl.
     Before the incense bowl to ask for the object first. The following
     Reducing action by the monks to work. Including the creation of charitable deeds any time. But the monks and the Severe diseases does not relieve the patient will be cured. I do not It exploits the bowl of a reduction in the action as only a single bowl. Because the odds are really creditor action. Same set of odds is good debt., But to make up for the series. Creditor would not satisfy a set of activities to absolute pardon. Bad karma would not be reduced.

    Ways to Wisdom / decrease Enter an action by a priest to be that way. You exodus Singh Flora Chan. (Charan father) recommend that, before the monks.

      For the 3 Joss Sticks Outdoor ask for action by "the end it offers 3" and then said, "I ask for action against him enemies among the deeds of all worlds, all of bully. Please forgive the lack of it. "

     After the monks finished every time. "Set it offers three finish," I said.
       "I have done charity dedicated to the Buddha and asked him to give all his 5 that I have submitted my intellectual power Busayapoka Best wishes fulfilled everything. Have a full halo. The state fair fortune was made ​​from all of the world too soon. Dedicated to all worlds and all the deeds of (spiritual) enemies among bully him (such as humans, partners, friends, family), all worlds, all of (her name is even better) ask forgiveness. The lack of the now too. Let me help sustain "

     If philanthropy is good news, or fill sand bags that were boring. "Deeds, ask me rich like a grain of sand by grain deeds on earth. The sand and clay, asked to be let off the hard reconciled to. Nothing too now Let me have found prosperity but the patron. "

    Most cases fall I would like to spread themselves a lot. Some also spread to others and forget yourself. Ourselves have charisma to really excel. It will help me and others to pray Ping overthrew should not end at the age of 1, I suggest you practice meditation with Vipassana will be less quick to anger should be more compassionate to 10-30 times a day to be compassionate to. the result is You Ecclesiastes Exodus Singh Bura recommend it. If you pour a libation to pour water into the ground every day, 100 times 100 times 100 souls lost deeds to determine prayer or meditation with spiritual intent. Sense and Sensibility contains an epigastric compassionate leave. I dedicate the merit of chakra 6. Or the third eye A low forehead is slightly more effective.
(I use the word dedication to the deceased. I used to summon alive. Charity dedicated to Lord Buddha).